วันเดินทางไป - กลับ | ผู้ใหญ่ท่านละ | พักเดี่ยวเพิ่มเงิน | ราคาเด็กท่านละ | |
---|---|---|---|---|
24 ต.ค. 68 - 27 ต.ค. 68 | 18,999 บาท | 6,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
26 ต.ค. 68 - 29 ต.ค. 68 | 17,999 บาท | 6,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
02 พ.ย. 68 - 05 พ.ย. 68 | 17,999 บาท | 6,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
14 พ.ย. 68 - 17 พ.ย. 68 | 18,999 บาท | 6,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
23 พ.ย. 68 - 26 พ.ย. 68 | 17,999 บาท | 6,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
28 พ.ย. 68 - 01 ธ.ค. 68 | 18,999 บาท | 6,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
05 ธ.ค. 68 - 08 ธ.ค. 68 | 18,999 บาท | 6,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
14 ธ.ค. 68 - 17 ธ.ค. 68 | 18,999 บาท | 6,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
19 ธ.ค. 68 - 22 ธ.ค. 68 | 18,999 บาท | 6,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
28 ธ.ค. 68 - 31 ธ.ค. 68 | 20,999 บาท | 6,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
05:00 น. พร้อมกันที่สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารขาออก ระหว่างต่างประเทศ ชั้น 1 เคาน์เตอร์ สายการบิน Thai Lion Airlines (SL) พร้อมเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับ และอำนวยความสะดวกบริเวณหน้าเคาน์เตอร์
08.15 น. ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยสารการบิน Thai Lion Airlines เที่ยวบิน SL 938 สู่สนามบินนานาชาติชางเป่ย เมืองหนานชาง ประเทศจีน (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที เร็วกว่าเวลาท้องถิ่นประเทศไทย 1 ชั่วโมง) กรุณาปรับนาฬิกาของท่านเป็นเวลาท้องถิ่น เพื่อสะดวกในการนัดหมาย
12.55 น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติชางเป่ย เมืองหนานชาง นำท่าน ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง
กลางวัน อิสระรับประทานอาหารกลางวัน ตามอัธยาศัย
ออกเดินทางสู่ เมืองอู้หยวน ด้วยรถโดยสารปรับอากาศ ระยะเวลา 3 ชั่วโมง 30 นาทีโดยประมาณ
จากนั้น นำท่านเดินทางไปที่ อู้หนี่วโจว WuNv Fairyland หรือ หมู่บ้านตากอากาศ อู้หนี่วโจว โดยตั้งอยู่ในเมืองซ่างเหรา มณฑลเจียงซี เป็นสถานที่ตากอากาศท่องเที่ยวแบบวัฒนธรรมเผ่าฮุยโจวในประเทศจีน และด้วยทุนสร้างกว่า 2,500 ล้านหยวน บนพื้นที่ก่อสร้าง 250,000 ตารางเมตร ซึ่งนำตำนานในท้องที่อย่าง
อู้หนี่วเฟยเทียน เรื่องราวปาฏิหาริย์ ความงดงาม กล้าหาญ และเสียสละจองอู๋หนี่ว หญิงสาวที่พร้อมด้วยรูปทรัพย์และความเก่งกล้า ต่อกรกับมังกรร้ายขจัดภัยน้ำท่วมใหญ่ จนได้รับเชิญขึ้นเป็นเซียนบนสรวงสรรค์ มาประยุกต์ และพัฒนาขึ้นเป็น Theme Park 3 แห่ง ได้แก่ Music Island, Wu Xian Island และ Fang Yan Island นับเป็นไฮไลท์ของหมู่บ้าน ล้อมรอบด้วยทะเลสาบ Wu Nu และ ทะเลสาบ Wu Xian เทพแห่งความมั่งคั่ง ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมใหม่ของ Huizhou จึงทำให้รีสอร์ทการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแห่งนี้เพียบพร้อม ครอบคลุมด้วย ธุรกิจหลัก 6 รูปแบบ ได้แก่ การแสดงสด ความบันเทิงสำหรับครอบครัว สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม โรงแรมที่พัก นิทรรศการ การจัดเลี้ยงแบบกูร์เมต์ และแหล่งช้อปปิ้งเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง
นำท่านชม โชว์ดอกไม้ไฟเหล็กหลอม การแสดงทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ “ดอกไม้ไฟเหล็กหลอม” เป็นการจำลองพลุที่อยู่บนท้องฟ้ามาอยู่ในระดับสายตา ให้เหล่าผู้ชมได้ยลโฉมความอลังการด้วยแสง สี และความสวยงามอันน่าทึ่งของ 1 ในวัฒนธรรมจีนที่สืบทอดกันมา ในแถบพื้นที่ตอนไต้ของแม่น้ำเหลือง (ฮวงโห) การแสดงดอกไม้ไฟเหล็กหลอม เกิดขึ้นมายาวนานกว่าพันปีแล้ว โดยช่างตีเหล็กได้ค้นพบความงามหลุดจินตนาการนี้ จากการทดลองโยนเหล็กหลอมสาดขึ้นสู่ท้องฟ้า ซึ่งหากมองจากไกลๆ จะดูเหมือนประกายไฟสีทองอันแสนงดงาม และยังเปรียบเหมือนกับดวงดาวที่ลอยเต็มฟ้า ซึ่งเป็นแนวความคิดที่คล้ายกับดอกไม้ไฟในปัจจุบันนั้นเอง และด้วยการพัฒนาไปไกลของยุคสมัย ทำให้สามารถจัดแสดงได้ด้วยความปลอดภัยไม่เป็นอันตรายอย่างแต่ก่อน ที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญถึงสามารถจัดการแสดงนี้ ขึ้นได้ ดอกไม้ไฟเหล็กหลอมมักจัดแสดงขึ้นในเทศกาลตรุษจีน เพื่อเฉลิมฉลองการขึ้นปีใหม่ของจีนด้วยความยิ่งใหญ่ ตระการตาและยังถือเป็นการแสดง เพื่ออวยพรให้เกิดความเป็นศิริมงคลนั่นเอง (หากมีฝนตกจะไม่สามารถชมการแสดงได้)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำทุกท่านเข้าพักที่โรงแรม พักผ่อนเตรียมตัวท่องเที่ยวในวันถัดไป
ที่พัก WANJUAN HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
รายการพิเศษ (Optionเสริม รายการที่ 1) หมู่บ้านโบราณหวงหลิง เมืองอู้หยวน ทิวทัศน์กลางหุบเขาเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล (รวมกระเช้า+สะพานกระจก) ชำระเพิ่ม 2,400 บาท/ ท่าน (ก่อนไปซ่างเหรา)
นำทุกท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านโบราณหวงหลิง ไข่มุกงามแห่งเมืองอู้หยวน ดินแดนแห่งความลงตัวผสานรวมวัฒนธรรมชนเผ่าฮุยโจว กับธรรมชาติอันงดงามที่แปรเปลี่ยนตามฤดูกาล ซึ่งขับให้ความงามอันโดดเด่นของหมู่บ้านที่สร้างบนพื้นที่ลาดเอียงในผาแห่งนี้ เป็นปราการธรรมชาติที่ผู้คนต่างหลงไหล และผลัดกันเข้ามายลโฉมเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ หมู่บ้านโบราณหวงหลิง อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 500 เมตร ซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งที่รู้จักกันในนาม "หมู่บ้านที่แขวนอยู่บนเนินผา" โดยมีคำกล่าวอันเป็นลักษณะเด่นของพื้นที่บริเวณนี้ ที่ว่า ‘สามฉื่อเดินไปไร้พื้นราบ’ (หน่วยวัดของจีน ระยะความยาวสามฟุต) หมายความว่า ไม่มีพื้นที่กว้างใดในหมู่บ้านนี้ที่ราบเรียบเกิน 1 เมตร ลักษณะเด่นอีกประการที่ทำให้หมู่บ้านโบราณหวงหลิงเป็นจุดสนใจก็คือ วัฒนธรรมการนำของมาตากแดด ไม่ว่าจะเป็นหน่อไม้ในฤดูใบไม้ผลิ เหล่าผักผลไม้นานาชนิดในฤดูร้อน ผลิตผลพืชไร่ในฤดูใบไม้ร่วง และการจัดแสดงประเพณีท่องถิ่นในฤดูหนาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งไฮไลท์จะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่นอกจากเฉดสีของของแห้งบนหลังคาจะสวยงามน่าชื่นชมแล้ว ใบไม้เปลี่ยนสีรอบพื้นที่ลาดเขา ก็ยังขับให้สีสันสลับลายโดดเด่นเป็นที่น่าหลงไหลอีกด้วย ซึ่งที่ขาดไม่ได้ที่ต้องพูดถึงก็คือความเก่าแก่โบราณของตัวเมือง ตึกรามบ้านช่องที่ยังคงสภาพความเป็นวัฒนธรรมฮุยโจวโบราณ ที่ยาวนานไว้ได้อย่างครบถ้วน เปรียบทั้งหมู่บ้านเป็นดังพิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมฮุยโจว ที่ยังมีชีวิตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งตามบันทึกเก่าแก่ของเมืองอู้หยวนมีบันทึกไว้ว่า หมู่บ้านสร้างขึ้นและคงอยู่มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิงตอนกลาง นับย้อนกลับไปได้กว่า 600 ปี
นำท่านตื่นเต้นไปกับเส้นทาง สะพานกระจกเมืองอู้หยวน ทางเดินข้ามหุบเขาที่มีพื้นทางเดินเป็นกระจกใสช่วงกลางสะพาน สามารถมองเห็นวิวภายใต้ทางเดิน และวิวรอบหุบเขาได้อย่างชัดเจน ให้ท่านได้ถ่ายภาพ และตื่นเต้นไปกับการเดินชมทัศนียภาพอันงดงาม แสดงถึงเสน่ห์ของหุบเขาทางธรรมชาติ ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างทะนุถนอม และกลมกลืนไปกับหมู่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกดอกผักกาดก้านขาว (เรพซีด Rapeseed) ที่จะออกดอกบ้านสะพรั่งเป็นสีเหลืองอร่ามทั่วตีนเขา ในเดือน มีนาคมของทุกปี ทำให้นักท่องเที่ยวต่างพากันมาเยี่ยมชมหุบเขาในเดือนนี้กันมาก และสร้างความคึกคักให้กับบริเวณนี้ได้เป็นอย่างมาก
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นเดินทางไปยัง สรวงสวรรค์แดนมนุษย์ หมู่บ้านเซียนที่ตั้งอยู่ริมผา "หุบเขาเทวดา วั่งเซียนกู่" หมู่บ้านโบราณวั่งเซียนกู่ ตั้งอยู่ในเขตเมืองซ่างเหร่า มณฑลเจียงซี ถูกขนานนามว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวภูมิทัศน์ทางธรรมชาติอันงดงามแห่งหนึ่งของจีน จนได้รับอีกชื่อว่า สรวงสวรรค์แดนมนุษย์ รอบล้อมด้วยผาสูงตั้งตระหง่าน น้ำใสไหลผ่านลำธาร และความเขียวชอุ่มของทิวป่าโดยรอบ ทำให้รู้สึกว่าเราพักอยู่ในเมืองฟ้าเมืองสวรรค์ที่โอบล้อม ด้วยพลังบริสุทธิ์แห่งธรรมชาติ หมู่บ้านโบราณวั่งเซียนกู่ มีความเป็นมายาวนานกว่าพันปี ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย มีลักษณะเป็นหุบเขาที่ทอดยาวไปตามแนวแม่น้ำซงจู๋ มีภูเขาหินปูนที่สลับซับซ้อน สูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 1,000 เมตร ไฮไลท์ก็คือหมู่บ้านโบราณที่ตั้งอยู่ริมหน้าผา เมื่อมาถึงแล้วต้องถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ซึ่งในยามค่ำคืน ในตัวเมืองจะประดับประดาด้วยไฟทางส่องสว่าง เป็นทัศนียภาพที่งดงามแปลกตาจากตอนกลางวัน เหมือนกับเรามาหนึ่ง แต่ได้ฟีลถึงสองเมืองในทริปเดียว
ค่ำ อิสระรับประทานอาหารค่ำ ตามอัธยาศัย
นำทุกท่านเข้าพักที่โรงแรม พักผ่อนเตรียมตัวท่องเที่ยวในวันถัดไป
ที่พัก JIANGNAN HAOTING HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
รายการพิเศษ (OPTION เสริม# 2): เขามังกรพยัคฆ์ [คฤหาสน์เทียนซือ + หมู่บ้านโบราณซ่างชิง + ล่องแม่น้ำชมภูเขาเซียนเหรินเหยียน และชมการแสดงแขวนโลงศพกลางเวหา]
เขาหลงหู่ (เขามังกรพยัคฆ์) ตั้งอยู่ในเขตเมืองอิงถาน มณฑลเจียงซี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่ออีกแห่ในจีน ซึ่งมีไฮไลท์สามแห่งในที่เดียว คือ เขาสีชาด สายธารมรกต และภูผาโลงศพซึ่งได้รับขนานนามว่า มังกรพยัคฆ์งดงามใต้หล้า ที่มาของชื่อเขาหลงหู่นั้นย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก นักพรตจางเต้าหลิง ผู้ก่อตั้งลัทธิเต๋าสายที่หนึ่ง ได้มาพำนักและหลอมยาที่นี่ โดยว่ากันว่าเมื่อยาหลอมเสร็จก็มีเสือและมังกรปรากฎตัวขึ้น ภูเขาแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า เขาหลงหู่(เขาที่มังกรและเสือปรากฎตัวขึ้น)
คฤหาสน์เทียนซือ ตั้งอยู่ในภูเขาหลงหู่ เมืองซ่างชิง มณฑลเจียงซี เป็นวัดบรรพบุรุษของสำนักเต๋าอันดับที่หนึ่ง (เจิ้งอี้) ซึ่งยังมีอีกหลายชื่อ อาธิเช่น ตำหนักปรมาจารย์ซี่อฮั่น หรือคฤหาสน์เจิ้งอี้เจิ้นเหริน (ตำหนักนักพรตเจิ้งอี้) สร้างขึ้นในปีที่สี่ของรัชสมัยฉงหนิงในราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 1105) และเดิมตั้งอยู่เชิงเขาหลงหู หลังจากการเปลี่ยนแปลงและการปรับปรุงนับครั้งไม่ถ้วน ท้ายที่สุดคฤหาสน์เทียนซือก็กลายเป็นสถานที่ขนาดใหญ่ และมีสถาปัตยกรรมที่งดงาม มีภูเขาซีหัวอยู่ทางทิศเหนือ เบื้องหน้าหันหน้าสู่แม่น้ำหลูซีและภูเขาผีภา มีภูมิทัศน์โดดเด่นทั้งภูเขาสูง และสายน้ำพาดผ่าน เป็นจุดที่สง่างามเป็นเลิศด้านฮวงจุ้ย ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 30,000 ตารางเมตร และมีอาคารโบราณมากกว่า 6,000 ตารางเมตร ซึ่งบันไดหินและปูนปั้นถูกแกะสลักอย่างประณีต สีเคลือบชั้นดีมีกลิ่นอายของความโบราณ และบรรยากาศดังก้าวข้ามมายังเขตเซียนบนชั้นฟ้า
คฤหาสน์เทียนซือ เป็นสัญลักษณ์และสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมเต๋าจีนโบราณ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ก่อตั้งในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก เมื่อจางเต้าหลิงบรรลุธรรมผ่านการเล่นแร่แปรธาตุ (หลอมยา)และก่อตั้งนิกายข้าวห้าเม็ด จนกระทั่งสมัยที่ปรมาจารย์เต๋าสำนักเจิ้งอี้เดินทางมาพำนัก และเผยแพร่แนวความคิด (ศาสนา) ที่นี่ และชาวบ้านก็นับถือศาสนาเต๋านิกายนี้ นับเป็นเวลากว่า 1,800 ปี จากรุ่นสู่รุ่น วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักในฐานะวัดบรรพบุรุษ ของสำนักเต๋าอันดับที่ 1 (เจิ้งอี้) และจัดเป็นศาสนสถานที่คอยจัดการ ดูแลกิจการเผยแพร่ศาสนาของลัทธิเต๋า ในสมัยราชวงศ์หยวนและหมิง ซึ่งนับเป็นจุดศูนย์รวมและจุดยุทธศาสตร์สำคัญในประวัติศาสตร์ การเผยแพร่ลัทธิเต๋าในประเทศจีนยุคโบราณ
นำท่านสู่ เมืองโบราณซ่างชิง เมืองเก่าแก่พันปีที่เจริญรุ่งเรืองจากลัทธิเต๋า ตั้งอยู่ในอำเภอกุ้ยซี เมืองอิงถาน มณฑลเจียงซี ตั้งอยู่ในพื้นที่หลักของเขตทัศนียภาพภูเขาหลงหู่ ห่างจากเมืองอิงถาน 25 กิโลเมตร ตัวเมืองมีทิวทัศน์สวยงาม และอากาศที่เย็นสบาย เรืองราวของเมืองโบราณซ่างชิง สืบย้อนกลับไปถึงราชวงศ์ใต้ และเหนือ ประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,700 ปี ตามบันทึกระบุว่า ในสมัยราชวงศ์สุยมีการตั้งเพิงขายของ ซึ่งพอผ่านเวลาไปไม่นานก็เริ่มขยายตัวเป็นตลาด และกลายเป็นเมืองในที่สุด ซึ่งต่อมารู้จักกันในชื่อ “เมืองอี๋หยาง” โดยในช่วงปลายราชวงศ์ถังก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็นเมืองนี๋ย่า และได้รับการเปลี่ยนชื่ออีกครั้ง เป็นเมืองซ่างชิงในช่วงสมัยราชวงศ์ซ่งและหยวน ซึ่งคงอยู่จนถึงปัจจุบัน จนสมัยราชวงศ์หมิงและชิง เมืองนี้เจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน และกลายเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าสำคัญของแนวแม่น้ำเซี่ยงไฮ้ เจ้อเจียง อานฮุย และเจียงซี เมืองโบราณแห่งนี้มีชื่อเสียงในฐานะแหล่งกำเนิดลัทธิเต๋าในประเทศจีน จางเทียนซื่อและลูกหลานของท่านอาศัยอยู่ที่นี่มาเป็นเวลา 63 ชั่วอายุคน และยาวนานกว่า 1,900 ปี ทำให้เมืองซ่างชิงเป็นที่รู้จักในฐานะ "เมืองเต๋าอันดับ 1 ของจีน" หนึ่งเดียวในจีนและต่างประเทศ
หนึ่งในการแสดงที่พลาดไม่ได้ ของการมาเยือนเขาหลงหู่ โชว์แขวนโลงศพ การแสดงที่แปรเปลี่ยนหนึ่งในวัฒนธรรมท้องถิ่น มาสร้างความบันเทิงที่ทั้งน่าทึ่ง หวาดเสียวและต้องอาศัยความชำนาญ ผ่านการฝึกฝนที่ยากลำบากของผู้แสดง คณะเดินทางจะล่องมาทางแม่น้ำ และชมวิวทิวทัศน์ของภูเขาเซียนเหรินเหยียน จนล่องมาถึงอาคารทรงจีนด้านล่างหุบเขา เมื่อสิ้นเสียงประทัดหน้าหอดั้นเมฆด้านล้าง เหล่านักแสดงจะโรยตัวลงมาจากด้านบนผาอันสูงชัน ด้วยเทคนิคเฉพาะที่ฝึกฝนมาอย่างชำนาญ ท่วงท่าที่ทั้งแข็งแกร่ง และงดงาม พริ้วไหวและรวดเร็วจนลงมาถึงกลางผาที่มีร่องหินเจาะเป็นรูไว้ ด้วยแรงเหวี่ยงของน้ำหนักตัวและเชือก นักแสดงจะเหวี่ยงตัวเข้าไปในร่องหิน โดยโลงศพจำลองก็จะถูกชักรอกขึ้นจากด้านล่างมารอที่ร่องหินเดียวกัน เพื่อใช้หลักการแรงเหวี่ยงพาโลงเหวี่ยงเข้าไปใกล้กับร่องหิน โดยด้านในก็จะมีนักแสดงคอยจับเชือกสั้นที่ติดอยู่กับโลงและดึงโลงเข้าสู่ร่องหินนั้นๆ เป็นอันจบการแสดงกลางเวหานี้
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
ร่องวิหคเพลิง (เฟิ่งหวงโกว) เนื่องจากตั้งอยู่ในตำบลหวงหม่า อำเภอหนานชาง มณฑลเจียงซี จึงมีอีกหลายชื่อเรียกตามสถานที่ตั้งอย่าง หวงหม่าเฟิ่งหวงโกว หรือหนานชางเฟิ่งหวงโกว ซึ่งหากทุกท่านได้ยินให้ทราบไว้ว่าเป็นจุดเดียวกันนั้นเอง
เฟิ่งหวงโกว ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งชาติ ระดับ 4A เป็นหนึ่งในพื้นที่เพาะปลูกหนึ่งในสิบอันดับแรกของจีน เป็นจุดท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของประเทศจีนใน ปี พศ.2555 (2012) อุทยานแห่งนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อทำเกษตรกรรม และพื้นที่ท่องเที่ยวชนบทเชิงนันทนาการ เป็นแหล่งสาธิตการเกษตรเพื่อการพักผ่อน และการท่องเที่ยวในชนบท รวมถึงเป็นอุทยานเผยแพร่วิทยาศาสตร์แห่งชาติ นอกจากเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่สำคัญแล้ว เฟิ่งหวงโกวยังเป็นจุดถ่ายรูปที่ได้รับความนิยม ไม่ว่าจะเป็นสมาคมช่างภาพเจียงซี สถานที่สร้างแรงบันดาลใจของสมาคมนักเขียนบทกวีเจียงซี และเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานกลางแจ้ง ที่ได้รับความนิยมสูงสุด และที่ใหญ่ที่สุดมณฑลเจียงซีอีกด้วย
เพิ่งหวงโกว เป็นอุทยานท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่มีเกษตรกรรมเชิงนิเวศ เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่ เฟิ่งหวงโกวผสมผสานกิจกรรมทางการเกษตรเช่น การเก็บเกี่ยว การทำสวนทำไร่ การท่องเที่ยว การพักผ่อนหย่อนใจและการประชุมเข้าไว้ด้วยกัน โดยเฟิ่งหวงโกวตั้งอยู่ในเขตชานเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองหนานชาง เป็นจุดชมทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่มีทั้งลำธาร หุบเขา และน้ำตก ทัศนียภาพอันงดงามของต้นไม้สีเขียวและอากาศบริสุทธิ์ ทำให้เฟิ่งหวงโกวเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการหลบหนีจากความวุ่นวายของเมือง เดินเล่นไปตามเส้นทางบนภูเขา สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ เฟิ่งหวงโกวมีลำธารใสสะอาดและน้ำตกที่สวยงามมากมาย น้ำที่ไหลเอื่อยๆ และน้ำตกที่ไหลลดหลั่นลงมา สร้างความสดชื่นแก่ผู้มาเยี่ยวชม ฟังเสียงลำธาร สัมผัสกับเสน่ห์ของธรรมชาติ ปล่อยใจให้ว่างเปล่า และเพลิดเพลินกับช่วงเวลาแห่งความสงบ ปล่อยจินตนาการ และความเพ้อฝันไหลไปธารน้ำธรรมชาติ เหมาะอย่างยิ่งกับการพักฟื้นร่างกายของผู้ป่วย เติมพลังชีวิตก่อนกลับไปสู้งานและใช้ชีวิตในเมือง ต่อไป
จากนั้นนำท่านสู่ ย่านวัฒนธรรมพระราชวังว่านโซ่ว (เขตประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมพระราชวังว่านโซ่ว) ตั้งอยู่ในเมืองหนานชาง เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ที่ผสมผสานประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และอาหารเข้าด้วยกัน สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นแลนด์มาร์คด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของหนานชางเท่านั้น ยังเป็นสถานที่อันเหมาะสมกับการสัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมของเจียงซี และลิ้มรสอาหารต้นตำรับอีกด้วย
พระราชวังว่านโซ่ว เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่มีความเป็นมายาวนาน สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม และการค้าที่สำคัญของเมืองหนานชาง แม้ว่าจะผ่านระยะเวลา ผ่านลมและฝนมาหลายพันปี แต่อาคารประวัติศาสตร์และมรดกทางวัฒนธรรมมากมาย ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ ทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับว่าพวกเขา ได้ย้อนเวลากลับไปสู่ยุคโบราณก็ไม่ปาน รูปแบบสถาปัตยกรรมในบริเวณนี้ มีความเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น โดยผสมผสานองค์ประกอบสถาปัตยกรรมจากราชวงศ์หมิงและชิง ซึ่งแสดงให้เห็นลักษณะเฉพาะของสถาปัตยกรรมท้องถิ่นของเจียงซี เมื่อเดินบนถนนหินกรวด มีร้านค้าและอาคารแปลกตาอยู่ทั้งสองข้างทาง ได้ความรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังท่องอยู่ในสายน้ำแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน ในพระราชวังว่านโซ่ว อาหารถือเป็นองค์ประกอบหลักที่ขาดไม่ได้ คุณจะได้พบกับอาหารพิเศษจากทั่วมณฑลเจียงซี เช่น อาหารกาน อาหารจานปลาจากทะเลสาบปั๋วหยาง และของว่างสไตล์หนานชาง
พระราชวังว่านโซ่ว ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การเพลิดเพลินไปกับอาหารเลิศรสเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ถ่ายภาพสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ และผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่นอีกด้วย อาคารโบราณ ตรอกซอกซอย และร้านค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในละแวกนี้ เป็นฉากหลังที่สมบูรณ์แบบสำหรับการถ่ายภาพอันงดงาม อีกด้วย
พระราชวังว่านโซ่ว ได้กลายมาเป็นแลนด์มาร์คอันเลื่องชื่อของเมืองหนานชาง ด้วยมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนาน รูปแบบสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ และอาหารท้องถิ่นที่แสนอร่อย ไม่ว่าคุณต้องการทำความเข้าใจวัฒนธรรมเจียงซีให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น หรือชิมอาหารท่องถิ่นและถ่ายรูป สถานที่แห่งนี้ก็สามารถตอบสนองความต้องการของทุกท่านได้เป็นอย่างดี
ค่ำ อิสระอาหารค่ำ ตามอัธยาศัย
นำทุกท่านเข้าพักที่โรงแรม พักผ่อนเตรียมตัวท่องเที่ยวในวันสุดท้ายการเดินทางกลับไทย
ที่พัก NOVOTEL SUNAC HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำทุกท่านสู่ หอเถิงหวัง “ตะวันลับห่านป่า บินเคียง สายธารสารทฤดู ดั่งฟ้าสีชาด”
หอเถิงหวัง (หอสูงของเถิงอ๋อง) ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำกานเจียงในเมืองหนานชาง เมืองหลวงโบราณที่ขึ้นชื่อในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ อันอุดมสมบูรณ์และผู้คนที่โดดเด่น สร้างขึ้นในปีที่สี่ของรัชสมัยหย่งฮุยแห่งราชวงศ์ถัง (653) โดย เถิงอ๋องหลี่หยวนอิง พระอนุชาในจักรพรรดิถังไท่จงแห่งราชวงศ์ถัง เมื่อครั้งที่พระองค์ยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการเมืองหงโจว (ปัจจุบันคือหนานชาง) จึงเป็นที่มาของชื่อ หอสูงของเถิงอ๋อง (เถิงหวังเก๋อ) มีบทกวีและบทความมากมายที่ยกย่องหอเถิงหวังในประวัติศาสตร์ หนึ่งในนั้น หวังป๋อ ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในช่วงต้นราชวงศ์ถัง ได้เขียน "ลำนำหอเถิงหวัง" อันโด่งดังเมื่อท่านเดินทางผ่านเมืองหนานชาง โดยมีข้อความว่า “ตะวันลับห่านป่า บินเคียง สายธารสารทฤดู ดั่งฟ้าสีชาด" เพื่อพรรณาความงดงามของมโนภาพ ที่ผ่านสายตาท่านให้เป็นที่ประจักษ์ หอเถิงหวังก็มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นด้วยเหตุนี้ หอเถิงหวังมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,300 ปี แม้ถูกทำลายแต่ก็ถูกบูรณะขึ้นใหม่ถึง 29 ครั้ง และหอเพิงหัวงที่เราเห็นในปัจจุบันได้รับการสร้างใหม่ และสร้างเสร็จ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2532 (1989)
ตัวอาคารแห่งนี้ มีเมืองเป็นฉากหลังและหันหน้าไปทางแม่น้ำหนานผู่ และภูเขาซีซาน วิสัยทัศน์ที่กว้างขวาง เมื่อยืนอยู่เบื้องหน้าหอเถิงหวัง สิ่งแรกที่คุณเห็นคือตัวอักษรสี่ตัว "เถิงเก๋อ ชิวฟง”(แปล สายลมฤดูใบไม้ร่วงหอเถิง) บนซุ้มประตูทางเข้า ซึ่งอธิบายความเรียบง่ายและความเคร่งขรึมของหอแห่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อมองขึ้นไป คุณจะเห็นตัวอักษรสามตัว แผ่นโลหะสีทองจารึก “หอเทิงหวัง” แขวนสูง ซึ่งเขียนโดยซูตงพัว (กวีผู้เลื่องชื่อในสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ)
พาทุกท่านมาเยือนจุดหมายสุดท้ายก่อนเดินทางกลับไทย ห้างวันด้า พลาซ่า สาขาเมืองหนานชาง ให้ทุกท่านได้แวะพักผ่อน ซื้อของฝากกันให้จุใจกับห้างอันดับต้นๆ ในเมืองหนานชาง
สมควรแก่เวลานำทุกท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติหังโจว
14:15 น. ออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติชางเป่ย เมืองหนานชาง ประเทศจีน สู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Thai lion Air (SL) เที่ยวบิน SL939
16:55 น. เดินทางถึง สนามบินนานาชาติดอนเมือง โดยสวัสดิภาพ
18 ซอย27 (บุญศิริ 2) ถนนสุขุมวิท ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ 10270